วัดสวยในกรุงเทพ ดังที่คุณทราบในกรุงเทพฯ มีวัดมากกว่า 400 แห่ง ซึ่งบางแห่งดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายพันคนทุกวัน เพราะวัดส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบเพื่อความสวยงาม งดงามวิจิตรบรรจงและแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของประเทศไทยอย่างชัดเจนซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติไทยด้วย ดังนั้นวัดของประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ (เมืองหลวง) จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
แน่นอนว่าจุดประสงค์ในการไปวัดของทุกคนแตกต่างกัน บางคนไปเหมือนนักท่องเที่ยวและเน้นถ่ายรูป บางคนยังไปที่ศาลเจ้าเพื่อขอพรในเรื่องการงาน โชคลาภ และความรัก และเพื่อเพิ่มความสดใสให้กับชีวิตอีกด้วย บางคนไปเพราะศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นหน้าที่ของชาวพุทธที่ดี โดยเฉพาะช่วงสิ้นปีกิจกรรมยอดนิยมของชาวพุทธคือการไปทำบุญตักบาตร ให้บุญที่สร้างมาช่วยค้ำจุนชีวิตในปีใหม่นี้ให้ตลอดทั้งปีผ่านไปอย่างราบรื่น แต่วัดในกรุงเทพมีเยอะจนไม่มีเวลาไปทำบุญทุกวัด วันนี้เราจะมาแนะนำ 9 วัดที่ใครๆ ก็ไปขอพรกัน เข้าสู่ปีใหม่ต่ออายุ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
วัดสวยในกรุงเทพ 1. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้วมรกต)
วัดสวยในกรุงเทพ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือเรียกง่ายๆ ว่า “วัดพระแก้ว” ถือเป็นวัดที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย เป็นวัดที่มีอยู่ในเมืองตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในสมัยรัชกาลที่ 1 คือในสมัยรัตนโกสินทร์ ตามประเพณีโบราณยังใช้เป็นสถานที่พระราชพิธีสำคัญอีกด้วย ตั้งอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง (พระราชวังชั้นนอกติดกับสนามหลวง) เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ระหว่างถือศีลอด ภายในเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” หรือ “พระแก้วมรกต” เป็นพระปรางค์นั่งสมาธิซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย แม้จะเรียกว่าพระหยกแต่ก็ไม่ได้ทำมาจากหยกเพราะจริงๆ แล้วแกะสลักจากหยกสีเขียวเข้มทึบแสงสูงประมาณ 65 ซม. (ทั้งสองเป็นวัสดุชนิดเดียวกัน) และการตกแต่งองค์พระพุทธรูปก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน พระพุทธรูปเปลี่ยนเสื้อผ้าสามครั้งตามฤดูกาล ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จึงมีเพียงกษัตริย์และเจ้าชายเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ถือเป็นวัดที่สวยงามและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ใครมากรุงเทพบ้าง? ไม่ว่าคุณจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติก็ต้องไปเยี่ยมชมพระแก้วมรกตสักครั้งในชีวิต
2. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
วัดโพธิ์เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงเทพมหานคร ที่นี่ยังเป็นเมืองหลวงอีกด้วย วัดโพธิ์อยู่ไม่ไกลจากพระบรมมหาราชวัง นี่เป็นอีกวัดที่มีเอกลักษณ์มากเนื่องจากมีพระพุทธไสยาสน์หรือ “พระพุทธไสยาสน์” ขนาดใหญ่ที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “วัดพระนอน” ซึ่งมีความยาว 46 เมตรและสูง 15 เมตร ให้ความรู้สึกที่ใหญ่โต นอกจากนี้ยังมีสีทองเหลืองสดใส ใบหน้าของเขาสวยมาก ส่วนไข่มุกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นมีลวดลายมงคลถึง 108 ลาย ซึ่งหาชมได้ยาก ห้องโถงด้านในตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังสีสันสดใสสวยงาม
3. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดอรุณ,วัดแจ้ง)
“วัดอรุณ” หรือ “วัดช้าง” เป็นอีกหนึ่งวัดที่ชาวไทยพุทธไม่ควรพลาด เนื่องจากเป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาและเป็นวัดของรัชกาลที่ 2 โดยนำพระอัฐิมาฝังที่วัดแห่งนี้เพื่อฝัง เอกลักษณ์ของวัดอรุณฯ คือ “พระปรางค์” ขนาดใหญ่ ยอดมีลักษณะคล้ายสถาปัตยกรรมเขมรและมีความสวยงามตระการตา ตกแต่งด้วยเครื่องปั้นดินเผา จาน ชาม เบญจรงค์ และเปลือกหอยลวดลายสวยงามหลากสีสัน และมีสัตว์น้อยใหญ่ในป่าหิมพานต์ เทวดาต่างๆ และครุฑมาประดับตกแต่งให้พิเศษยิ่งขึ้น ส่วนปรางค์กลางสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและวัดโพธิ์เมื่อขึ้นไป มีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย แต่ทางขึ้นอาจจะสูงและชันมาก โปรดใช้ความระมัดระวังในการเดิน นอกจากพระปรางค์แล้วยังมี “ยักษ์วัดแจ้ง” ยืนถือกระบองยืนหน้าประตูวัดทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ป้องกันสิ่งชั่วร้ายเข้ามาบุกรุก อีกทั้งยังเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอีกด้วย
4. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร (วัดระฆัง)
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันว่า “วัดระฆัง” เป็นวัดโบราณที่มีชื่อเสียงมากในสมัยกรุงศรีอยุธยา “วัดบางหว้าใหญ่” แต่เรียกว่าวัดระฆังเพราะในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้มีการพบระฆังโบราณในวัดและชาวบ้านเรียกว่าวัดระฆัง แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่เห็นนาฬิกาโบราณ? นั่นเป็นเพราะว่าระฆังโบราณที่ขุดพบนั้นถูกเก็บไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่เพื่อให้เข้ากับชื่อของวัด จึงได้มีการสร้างระฆังใหม่จำนวน 5 ใบ
นอกจากนี้ยังเป็นวัดที่ผู้คนเคารพและศรัทธาต่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) และท่องมนต์ชินบัญชรเพื่อแผ่ความปรารถนาดี ดังนั้นผู้ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาและวัตถุมงคลจึงนิยมเดินทางมาที่วัดแห่งนี้เพื่อขอพร เพื่อให้ชีวิตร่มเย็นเป็นสุข ส่วนวัดระฆัง คนยังเชื่อว่าหากใครมาเยี่ยมชมก็จะมีชื่อเสียงตลอดทั้งปี จึงมีผู้คนมาสักการะและชื่นชมกัน หากใครมาวัดระฆังกรุณาเข้าทางวังหลัง รับรองว่าไม่ผิดหวัง นอกจากการบูชาพระ ตักบาตร ปล่อยปลา เต่า ชมโบราณสถานแล้ว ยังมีร้านค้าและร้านอาหารที่ให้บริการอาหารอร่อยอีกด้วย มีหลายสิ่งที่รอให้คุณมาสัมผัสด้วยตัวเอง
5. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารเป็นอีกวัดที่สวยงามและมีชื่อเสียงริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกแห่งหนึ่ง เพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และไม่มีค่า เรียกขานกันทั่วไปว่า “วัดกัลยาณมิตร” ใครอยากมีเพื่อนที่ดีหรือมีลูกศิษย์ที่ดีต้องมาแสวงบุญที่วัดแห่งนี้ เพราะกัลยาณมิตร แปลว่า มิตรที่ดี นอกจากนี้เชื่อกันว่าหากใครมาสักการะ “พระพุทธไตรรัตนนายก” (หลวงพ่อโต) จะพบแต่ความสุข ความเจริญ และกิจการที่ดีในวัดแห่งนี้เท่านั้น การเดินทางยังต้องปลอดภัยอีกด้วย
วัดกัลยาณมิตรเป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 และมีการออกแบบที่ผสมผสานสไตล์ไทยและจีนได้อย่างลงตัว นอกจากการเที่ยวชมหลวงพ่อโตแล้ว ยังมี “หอนาฬิกา” ที่นี่ด้วย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอีกด้วย เพราะเป็นนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วย
6. วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
“วัดชนะสงคราม” เป็นวัดที่มีชื่อเสียงในย่านถนนข้าวสาร เพราะคนเชื่อว่าตราบใดที่คนมาสักการะและสวดมนต์ก็สามารถขจัดอันตรายทุกชนิดและเอาชนะสิ่งชั่วร้ายอุปสรรคและปัญหาได้สำเร็จ วัดชนะสงคราม เดิมเรียกว่า “วัดกลางนา” และกลายเป็นวัดร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงมีพระบรมราชโองการให้บูรณะวัดแห่งนี้ และได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร” จากการชนะสงครามกับพม่าและชนะทั้ง 3 ครั้ง จึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่าหากใครมาสักการะขอพรที่วัดแห่งนี้ อุปสรรคต่างๆ ก็ผ่านพ้นไปได้
7. วัดสุทัศน์เทพวราราม
วัดสุทัศน์เทพวรารามหรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดสุทัศน์” เป็นวัดที่สวยงามที่สร้างความประทับใจเมื่อได้เห็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงจาก “เสาแกว่ง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ เหนือกาลเวลาที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านนอก เพราะทำจากไม้สักและมีความสูงมาก กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและใครไปก็ต้องแวะถ่ายรูปกับเสาชิงช้า
ลานภายในวัดสวยงามและสะอาดมาก เมื่อเดินเข้าไปในวัดจะพบพระพุทธรูปปางสมาธิจำนวนมากเรียงรายอยู่รอบๆ อุโบสถ ภายในวัดมองเห็น “พระศรีศากยมุนี” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญของศิลปะสุโขทัยโบราณ ซึ่งมีขนาดใหญ่มากจึงมักเรียกกันว่ายังมีงานแกะสลักด้วยมือหลายชิ้นที่แสดงรายละเอียดของงานฝีมือที่ประดับผนังและหลังคาของวัด “พระพุทธไตรโลกเชษฐ์” และ “พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 8” (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาอานันทมหิดล) ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดแห่งนี้ด้วย รวมถึงด้านหลังด้วย “ท้าวเวสสุวรรณ” มีไว้สำหรับให้ประชาชนมาสักการะและขอพรให้โชคดีในชีวิต